วัตถุประสงค์
1.บอกลักษณะและความจำเป็นในการสร้างพิษของสัตว์ทะเลได้
2.ยกตัวอย่างสัตว์ทะเลที่ทำให้เกิดอันตรายต่อมนุษย์ได้

1.พิษที่เกิดจากการรับประทานเข้าไป
          เนื่องจากสัตว์น้ำบางชนิดมีพิษอยู่ในส่วนของเนื้อ ผิวหนัง เมือก รังไข่ หรืออวัยวะภายใน พิษประเภทนี้ไม่ได้เกิดจากต่อมพิษ แต่จะมีผลต่อระบบประสาท ทำให้เกิดอาการมึนชา หายใจขัด ระบบประสาททำงานช้าลง คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการบวมที่ริมฝีปาก ลิ้น ลำไส้ ใบหน้า หรือมีอาการท้องเสีย ถ้าหากมีอาการรุนแรงอาจทำให้เสียชีวิตได้ เช่น ปลาปักเป้า ปูใบ้  แมงดาทะเล เป็นต้น

2. พิษที่เกิดจากการถูกเงี่ยงตำให้เจ็บปวด   
          เป็นพิษที่เกิดจากต่อมพิษ ความเจ็บปวดที่เกิดจากการที่ถูกเงี่ยงตำแล้วปล่อยสพิษเข้าสู่ร่างกาย โดยพิษประเภทนี้จะถูกสร้างขึ้นในต่อมที่อยู่ใกล้กับโคนเงี่ยงแหลมนั้นพิษประเภทนี้จะมีผลต่อระบบเลือดและระบบประสาท เช่นเดียวกับพิษงู โดยต่อมพิษจะอยู่บริเวณโคนเงี่ยง ปลาที่มีพิษประเภทนี้ ได้แก่
        กลุ่มปลาสลิดทะเล เป็นปลาที่มีลำตัวแบนกว้าง มีก้านแข็งบริเวณครีบหลัง ครีบก้น และครีบท้อง ก่อให้เกิดความเจ็บปวดมากเมื่อทิ่มแทง กินสาหร่ายและหญ้าทะเลเป็นอาหาร บางชนิดมีสีสันสดใส บางชนิดมีจุดตามลำตัว พบประมาณ 9 ชนิด
        กลุ่มปลาขี้ตังเบ็ด มีลำตัวแบนกว้างรูปไข่หรือค่อนข้างยาว มีหนามแข็งบริเวณโคนหางด้านข้างทั้งสองข้าง บางชนิดมีสีสันสวยงาม เช่น สีฟ้าหรือสีเหลือง บางชนิดมีลายตามตัว หรือมีสีโทนน้ำตาล เทา หรือดำ ส่วนใหญ่กินสาหร่ายหรือพืชน้ำเป็นอาหาร พบประมาณ 25 ชนิด
        กลุ่มปลาปักเป้า ปักเป้าหนามทุเรียนและปลาปักเป้าอื่นๆมีลักษณะลำตัวค่อนข้างกลม ยกเว้นปลาปักเป้ากล่อง จะมีลำตัวเป็นทรงเหลี่ยม  ลำตัวปกคลุมด้วยเกล็ดที่เปลี่ยนรูปเป็นเกราะหุ้มตัว ส่วนในปลาปักเป้าหนามทุเรียนจะเป็นหนามยาวแหลมแข็งแรง  ปลาปักเป้าธรรมดาและปลาปักเป้าหนามทุเรียนสามารถพองตัวโดยการดูดน้ำเข้าไปในลำตัวบริเวณช่องท้องเพื่อป้องกันตัว    กินสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังเป็นอาหาร ได้แก่ ฟองน้ำ กุ้ง ปู ดาวเปราะ เม่นทะเล
        กลุ่มปลาสิงโตและปลากะรังหัวโขน มีลักษณะลำตัวหนา ครีบแข็งลำตัวมีพิษและเป็นอันตรายมาก บริเวณหัวมักมีหนามแหลม บางชนิดมีการพัฒนาผิวหนังตามหัวและลำตัวเป็นเส้น หรือแผ่นยื่นยาว ทำให้ดูคล้ายหนวดหรือขน บางชนิดปรับตัวให้มองดูคล้ายก้อนหิน ส่วนใหญ่ว่ายน้ำเชื่องช้า และมักมีสีสันกลมกลืนกับพื้นช่วยในการพรางตัว กินปลาหรือกุ้งขนาดเล็กกว่าเป็นอาหาร
สำหรับสัตว์ทะเลชนิดอื่นๆที่มีพิษร้าย เป็นอันตรายต่อมนุษย์ ได้แก่
        หอยเต้าปูนเป็นสัตว์มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก มีฟันเปลี่ยนรูปเป็นฉมวก เมื่อหอยเจอเหยื่อหรือป้องกันตัว จะยื่นงวงออกมาก่อนยิงฉมวกใส่ หลายชนิดมีพิษถึงตาย เช่น หอยเต้าปูนลายแผนที่ การหลีกเลี่ยงทำได้ง่ายโดยพยายามไปจับหอยเหล่านั้นหรือเก็บหอยมาไว้ในกระเป๋าเพื่อเอากลับบ้านเป็นของที่ระลึก
        แมงกะพรุน มีเข็มพิษบริเวณปลายหนวด  ความรุนแรงของพิษจะแตกต่างกันออกไปตามชนิด พิษเหล่านี้อยู่ที่หนวดและยังมีพิษอยู่แม้จะตายแล้ว หนวดบางเส้นยาวแต่ใส ทำให้มองไม่เห็น  แมงกะพรุนบางชนิดมีพิษรุนแรงถึงตาย เช่น แตนทะเล แต่มีอยู่น้อยมากไม่พบในน่านน้ำไทย
       งูทะเล ในทะเลมีงูประมาณ 50 ชนิด โดยธรรมชาติงูทะเลจะไม่ทำร้ายมนุษย์โดยเจตนา (ยกเว้นในช่วงผสมพันธุ์และเป็นเพียงบางครั้ง) ตามปรกติงูทะเลจะไม่สนใจเราเลย เขาจะว่ายน้ำหาอาหารโดยมุดหัวไปตามซอกแล้วใช้จมูกดมเพื่อกินไข่ปลาหรือกุ้ง บางครั้งเขาอาจเข้ามาใกล้เรามาก ไม่จำเป็นต้องตกใจจนว่ายหนีฉุกละหุกเมื่อเจองูทะเลให้ว่ายหนีออกมาช้าๆ งูทะเลที่พบบ่อยคืองูทะเลปล้องดำมีพิษร้ายแรง  หากถูกงูทะเลกัด  พิษงูจะส่งผลต่อกล้ามเนื้อ (พิษงูทะเลเป็น Myotoxic มีผลต่อกล้ามเนื้อ) สามารถปฐมพยาบาลเหมือนโดนงูกัด แล้วหานำส่งแพทย์ทันที
       ดาวมงกุฎหนาม   เป็นดาวทะเลชนิดหนึ่งที่กินปะการังเป็นอาหาร มีหนามตามตัวแข็งและแหลมมาก หากโดยเข้าไปจะรู้สึกเจ็บแปลบ แผลจะหายยากมาก ในธรรมชาติมีสัตว์ที่ควบคุมปริมาณดาวมงกุฎหนามคือหอยสังข์แตรโดยจะกินดาวมงกุฎหนามเป็นอาหารอีกทอดหนึ่งแต่ปริมาณหอยสังข์แตรลดลงเนื่องจากถูกมนุษย์ล่าไปเป็นอาหารและนำเปลือกไปทำเป็นเครื่องประดับ ทำให้ปริมาณดาวมงกุฎหนามเพิ่มมากขึ้น  การกำจัดดาวมงกุฏหนามเป็นเรื่องยากต้องใช้สารเคมีฉีดเข้าไปในตัวมันแต่มีอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม
       หมึกทะเล เป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง  จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับหอย  หมึกทุกชนิดสามารถกัดเราด้วยฟันแหลมคล้ายปากนกแก้ว เช่น หมึกกระดอง หมึกสาย  หมึกส่วนใหญ่ไม่มีพิษ แต่บางชนิดมีพิษรุนแรงมาก เช่น หมึกสายวงแหวนสีฟ้า(Blue Ring Octopus) มีพิษร้ายแรงมาก สามารถทำให้เสียชีวิตได้ภายในเวลาเพียง 5 นาที แต่หมึกชนิดนี้ไม่พบในประเทศไทย